อาการหายใจที่มีความผิดปกติของทารกก็อาจทำให้พ่อแม่เป็นกังวลได้ อย่างการหายใจที่มีเสียงดังครืดคราดของทารกก็สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งผู้ปกครองควรหมั่นสังเกตอาการของลูกน้อยด้วย หากการหายใจมีความผิดปกติจะได้พาไปพบแพทย์ได้อย่างทันท่วงที
ทารกหายใจครืดคราด เกิดจากอะไร?
ทารกหายใจแรง มีเสียงครืดคราด เป็นอาการที่บ่งบอกถึงความผิดปกติได้หลายแบบ ดังนี้
- หอบหืด ทารกที่เป็นหอบหืดมักจะหายใจแรงและเร็ว จนสามารถที่จะมองเห็นปีกจมูกบานออกมา ขณะที่หายใจมักจะมีเสียงครืดคราด หรือเสียงหวีด นอกจากนี้อาจพบว่าทารกมีอาการหน้าอกบุ๋มด้วย
- หลอดลมอักเสบ หลอดลมอาจมีการอักเสบ ติดเชื้อ บวม หรืออาจมีเนื้องอกที่หลอดลม ซึ่งอาจมีผลทำให้ทารกหายใจลำบาก หากหายใจหรือไอก็จะมีเสียงครืดคราด
- จมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หากทารกเป็นภูมิแพ้ อย่างการแพ้อากาศ หรืออาจแพ้สารก่อภูมิแพ้แบบอื่นๆ เช่น ละอองของเกสรดอกไม้ ฝุ่นควัน อาการภูมิแพ้เหล่านี้จะทำให้เยื่อบุจมูกเกิดอาการบวม ทารกจะหายใจไม่สะดวก ทำให้เวลาหายใจจะมีเสียงครืดคราด
- กินนมในปริมาณมากเกินไป หากทารกกินนมมากจนเกินไป เวลาที่หายใจก็จะทำให้เกิดปัญหาได้ อาจทำให้หายใจไม่สะดวก และมีเสียงหายใจครืดคราด นั่นเป็นเพราะว่าในกระเพาะอาหารของทารกจะมีนมอยู่มากเกินไปจนล้นออกมาถึงคอ เวลาหายใจจึงมีเสียงครืดคราดในลำคอ
- กระดูกอ่อนหลอดลมยังไม่แข็งแรงพอ สำหรับกระดูกอ่อนจะช่วยให้ท่อหลอดลมแข็งแรง ขณะหายใจท่อหลอดลมจะได้ไม่แบน หากกระดูกอ่อนตรงส่วนนี้ไม่มีความแข็งแรง จะส่งผลทำให้เวลาหายใจหลอดลมจะแบน จึงทำให้หายใจไม่สะดวก ทารกต้องหายใจแรงมากขึ้น และขณะหายใจก็จะมีเสียงครืดคราดร่วมด้วย
สัญญาณเตือนของทารกที่มีอาการหายใจผิดปกติ
ผุ้ปกครองบางทีก็ไม่ทราบว่าลูกมีอาการหายใจครืดคราดหรือไม่ ลองสังเกตอาการหายใจเหล่านี้ดู หากเริ่มมีอาการต่อไปนี้ ก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่าการหายใจของลูกเริ่มมีปัญหา
- มีอาการหายใจเร็ว
- จังหวะของการหายใจไม่สม่ำเสมอ
- ขณะหายใจจะคล้ายเสียงกรนเบาๆ
- เด็กมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
ทารกหายใจครืดคราด มีอันตรายหรือไม่
อาการหายใจครืดคราดของทารกจะมีอยู่ด้วยกันหลากหลายสาเหตุ หากเป็นปัญหาที่เกิดจากกล่องเสียงก็อาจจะไม่เป็นอันตราย แต่หากเป็นปัญหาที่เกิดจากระบบทางเดินหายใจก็อาจเกิดอันตรายขึ้นได้ ดังนั้นควรที่จะปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุของการหายใจที่มีความผิดปกติ เพื่อจะได้แนวทางในการรักษาที่ถูกวิธีต่อไป
หากทารกมีอาการหายใจครืดคราด นั่นเป็นสัญญาณที่บ่งบอกแล้วว่าระบบการหายใจของทารกกำลังมีปัญหา ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์เฉพาะทางเพื่อเข้ารับการรักษาต่อไป