การทำน้ำปลาร้า สำหรับขาย

ปลาร้าหนึ่งในเครื่องปรุงรสชั้นยอด ที่นอกจากจะมีรสชาติที่นัว กลมกล่อมแล้ว ยังมีกลิ่นที่หอมถูกใจใครหลายๆ คน ซึ่งแต่ละสูตรก็จะให้รสสัมผัสที่แตกต่างกันออกไป โดยการทำปลาร้าก็ถือว่ามีวิธีการทำที่ไม่ยุ่งยาก โดยเฉพาะคนที่กำลังองหาอาชีพ เพราะปัจจุบันมีเมนูอาหารมากมายที่มีปลาร้าเป็นส่วนผสมของวัตถุดิบ และเครื่องปรุง เพราะฉะนั้นการทำน้ำปลาร้าปรุงรส สำหรับขาย ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี เพราะวัตถุดิบที่นำมาใช้ก็สามารถหาได้ทั่วไปตามท้องตลอด โดยที่ในวันนี้เราก็ได้รวบรวมสูตรการทำปลาร้า สำหรับขาย วิธีง่ายๆ ที่จะสามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะทำเป็นอาชีพหลัก หรืออาชีพเสริม ก็เหมาะทั้งนั้น

1.สูตรน้ำปลาร้าสูตรที่ 1 เน้นรสชาติกลางๆ

ส่วนผสม และวัตถุดิบ

  • ปลาร้า 500 กรัม
  • น้ำสะอาด 500 มิลลิลิตร
  • กะปิ 3 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำกระเทียมดอง 100 มิลลิลิตร
  • กระเทียมดอง 2 หัว
  • กระเทียม 3 หัว
  • น้ำตาลปี๊บ 250 กรัม
  • สับปะรด 50 กรัม
  • ผงกาแฟ 1 ช้อนโต๊ะ
  • ชาใบหม่อน 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีการทำน้ำปลาร้า

  • นำส่วนผสมทั้งหมดใส่ลงไปในหม้อ ใช้ไฟกลางเคี่ยวให้เป็นเนื้อเดียวกัน
  • เมื่อส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันเป็นอย่างดี ให้นำมากรองกับผ้าสะอาด หรือตะแกรงเพื่อคัดเอาแต่น้ำล้วน แล้วพักไว้ให้เย็น
  • หลังจากที่พักไว้จนได้ที่แล้ว ให้ใส่ในภาขนะ เก็บไว้ในตู้เย็น เป็นอันได้น้ำปลาร้าไว้สำหรับใช้งานแล้วนั่นเอง

2.สูตรน้ำปลาร้าสูตรที่ 2 เน้นความนัว

ส่วนผสม และวัตถุดิบ

  • ปลาร้าใช้ทั้งเนื้อ และน้ำ 1 กิโลกรัม
  • น้ำสะอาด 1 ลิตร (เพิ่มลดได้หากชิแล้วมีรสเค็มเกินไป)
  • กะปิ 150 กรัม
  • น้ำกระเทียมดอง 100 กรัม + เนื้อกระเทียมดอง 3 หัว
  • กระเทียมบุบให้แตก 3 หัว (ล้างให้สะอาดใส่ทั้งหัวไม่ต้องแกะเปลือก)
  • น้ำตาลปี๊ป ½ กิโลกรัม.
  • สับปะรด 50 กรัม
  • ผงโอวัลติน 2 ช้อนโต๊ะ
  • ผงกาแฟ 2 ช้อนโต๊ะเพื่อให้สีเข้มสวย และกลิ่นหอม
  • ใบหม่อนสดแก่ๆ 25 ใบ หรือจะใช้ใบมะขามหรือใบกระถินแก่ๆ ก็ได้

วิธีการทำน้ำปลาร้า

  • นำส่วนผสมทั้งหมดมาต้มลงในหมอ ซึ่งจะเคี่ยวจนกว่าเนื้อปลาร้าจะเปื่อยยุ่ย ให้เหลือแต่ก้าง
  • ต้มไปเรื่อยๆ โดยจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที หลังจากนั้นปิดไฟ
  • หลังจากพักไว้จนเย็น ค่อยนำมาเทใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ แล้วจึงนำเก็บภายในตู้เย็น

ทั้ง 2 สูตรที่นำมาฝากกันในวันนี้ จะเห็นได้ว่ามีวิธีการทำที่คล้ายๆ กัน ซึ่งจะแตกต่างกันในส่วนผสมเพียงเท่านั้น ซึ่งส่วนผสมทั้ง 2 แบบ ก็จะให้รสชาติ และกลิ่นที่แตกต่างกันออกไป ใครที่ชอบรสชาติกลางๆ กลิ่นหอมจางๆ สูตรที่ 1 ก็จะเหมาะเป็นอย่างมาก และสำหรับใครที่ชอบรสชาติเข้มข้น มีกลิ่นปลาร้าหอมฟุ้ง สูตรที่ 2 ก็จะเหมาะมากกว่านั่นเอง