ทารกตัวเหลือง ภาวะของเด็กแรกเกิด ที่พ่อแม่ควรต้องรู้

ทารกตัวเหลือง หรือภาวะตัวเหลือง ของเด็กแรกเกิดนั้น สามารถพบได้มากถึงร้อยละ 50 ของจำนวนเด็กทั้งหมดที่เกิดมา ซึ่งสามารถพบได้สูงถึงร้อยละ 80 ของทารกที่เกิดก่อนกำหนดอีกด้วย ซึ่งในเด็กแต่ละคนก็จะมีช่วงเวลาที่แตกต่างกันออกไป เพราะฉะนั้นการที่พ่อแม่รู้เท่าทันภาวะตัวเหลืองก่อน ย่อมทำให้สามารถสังเกตอาการ และความเปลี่ยนแปลงของลูกได้ดีกว่า ที่จะทำให้สามารถพบแพทย์ได้อย่างทันท่วงที ที่จะส่งผลโดยตรงต่อการช่วยลดความรุนแรงให้เจ้าตัวน้อง ไม่ต้องเผชิญกับภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ อีกมากมาย ที่อาจจะตามมาได้นั่นเอง เพราะรู้ก่อน รักษาก่อน ระวังก่อน ดีต่อตัวเด็กได้อย่างแน่นอน

รู้จักกับทารกตัวเหลือง หรือภาวะตัวเหลือง

ภาวะตัวเหลือง เกิดมาจากการที่ร่างกายมีสารชนิดหนึ่ง ที่เป็นสารสีเหลือง ที่มีชื่อว่า บิลิรูบิน สารชนิดดังกล่าวจะอยู่ภายในกระแสเลือดที่มากกว่าปกติ โดยที่เกิดขึ้นมาจากการสลายตัวของเม็ดเลือดแดง ผ่านกระบวนการที่ตับ และขับออกจากร่างกาย ผ่านจากช่องทางอุจจาระ และปัสสาวะ โดยปกติแล้วทารกที่อยู่ในภาวะตัวเหลืองนั้น จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 2 – 3 วันหลังคลอด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วแพทย์จะสามารถมองเห็นภาวะตัวเหลืองของเด็กได้ ก่อนที่จะพิจารณาส่งตรวจค่าบิลิรูบิน เพื่อตรวจเช็กระดับความเหลือ เพื่อทำการเตรียมตัวขั้นตอนของการรักษาต่อไป

ความรุนแรงของภาวะตัวเหลือง

ถ้าหากภายในร่างกายของทารกมีค่า หรือระดับบิลิรูบิน ที่มากจนเกินไปจะทำให้เกิดการผ่านเข้าไปสู่สมองเพื่อจับที่เนื้อสมอง ส่งผลให้สมองทำงานผิดปกติ หรือที่เรียกกันว่า เคอร์นิกเทอรัส โดยที่ในระยะแรกของอาการดังกล่าวจะมีอาการซึม ตัวอ่อน และดูดนมไม่ดี ซึ่งระยะต่อมาก็จะทำให้ทารกเริ่มซึมลงอย่างเห็นได้ชัด ตัวจะอ่อนมากยิ่งขึ้น มีอาการกระสับกระส่าย มีไข้ ตัวเกร็ง คอแอ่นไปด้านหลัง และหลังแอ่น ซึ่งถ้าหากในระยะแรกๆ ได้รับการเปลี่ยนถ่ายเลือดได้โดยเร็ว ก็จะทำให้สมองไม่ถูกทำลายโดยถาวร ช่วยลดความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นของความพิการทางสมอง ซึ่งถ้าหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง และรักษาโดยเร็วที่สุด อาจทำให้เกิดความอันตรายที่ส่งผลร้ายแรงจนเสียชีวิตได้นั่นเอง

ทารกตัวเหลือง หรือภาวะตัวเหลือง เป็นภาวะที่ถือว่าพบได้บ่อยเป็นอย่างมาก ที่จะมีทั้งตัวเลือกที่ยังไม่เกินค่าที่กำหนด และเหลืองจนเกินค่าที่กำหนด เพราะฉะนั้นเมื่อคุณพ่อคุณแม่พาลูกน้อยกลับจากโรงพยาบาลแล้ว ต้องคอยสังเกตอาการตัวเหลืองอย่างใกล้ชิด เพราะถ้าหากลูกมีอาการตัวเหลืองที่เร็วกว่าปกติ หรือมีอาการผิดปกติต่างๆ ร่วมด้วย จะทำให้สามารถพาไปพบแพทย์ เพื่อทำการรักษาได้ทันท่วงทีนั่นเอง